เมนู

13. จูฬรถวิมาน


ว่าด้วยจูฬรถวิมาน


พระมหากัจจายนเถระ

ทูลถามพระกุมารว่า
[63] ท่านสอดธนูไว้มั่น ยืนจ้องธนูไม้แก่น
อยู่ ท่านเป็นกษัตริย์ หรือราชกุมาร หรือเป็นพราน
ป่า.

พระกุมารตรัสตอบว่า
ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้าเป็นโอรสของพระ-
เจ้าอัสสกะ เที่ยวไปในป่า ข้าแต่ภิกษุ ข้าพเจ้าขอ
บอกนามของข้าพเจ้าแก่ท่าน คนทั้งหลายรู้จักข้าพเจ้า
ว่า สุชาต ข้าพเจ้าแสวงหาเนื้อจึงหยั่งลงสู่ป่าใหญ่
ไม่เห็นเนื้อ เห็นแต่ท่าน จึงได้ยินอยู่.

พระเถระทูลว่า
ท่านผู้มีบุญมาก ท่านมาดีแล้ว ท่านมาไม่เลว
เลย ท่านจงรับเอาน้ำจากที่นี้ล้างเท้าทั้งสองของท่าน
เถิด นี้เป็นน้ำดื่ม เย็น นำมาแต่ซอกเขา ท่าน
ราชโอรส ครั้นเสวยน้ำแล้ว โปรดเสด็จเข้าไป
ประทับนั่งบนสันถัดเถิด.

พระกุมารตรัสว่า
ข้าแต่พระมหามุนี วาจาของท่านงามหนอ น่า
ฟัง ไม่มีโทษ มีประโยชน์ ไพเราะ ท่านรู้แล้ว

โปรดกล่าวแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์เถิด.
ท่านอยู่ในป่ายินดีอะไร ข้าแต่ท่านฤษีผู้ประ-
เสริฐสุด ท่านถูกถามแล้ว โปรดบอกที่เถิด พวก
ข้าพเจ้าพิจารณาคำของท่านแล้ว พึงประพฤติโดย
เอื้อเฟื้อ ซึ่งบทที่ประกอบด้วยอรรถและธรรม.

พระเถระทูลว่า
ดูก่อนกุมาร เราชอบใจการไม่เบียดเบียนสัตว์
ทั้งปวง การงดเว้นลักขโมย งดเว้นการประพฤติ
ล่วงเกิน งดเว้นดื่มน้ำเมา งดบาปธรรม ความ
ประพฤติสงบ ความเป็นพหูสูต ความเป็นคนกตัญญู
ธรรมเหล่านี้ กุลบุตรสรรเสริญในปัจจุบัน อันวิญญู-
ชนพึงสรรเสริญ ดูก่อนราชโอรส ท่านจงรู้เถิดว่า
อีกห้าเดือนข้างหน้า ท่านจักสิ้นพระชนม์ ท่าน
จงเปลื้องตนเถิด.

พระกุมารตรัสถามว่า
ข้าพเจ้าจะไปชนบทไหนหนอ จะทำกรรมอะไร
จะทำกิจของบุรุษอะไร ๆ หรือจะใช้วิชาอะไร จึง
จะไม่แก่ไม่ตาย.

พระเถระทูลว่า
ดูก่อนราชโอรส ไม่มีประเทศที่สัตว์ไปแล้ว
ไม่แก่ไม่ตาย ไม่มีกรรม วิชา และกิจของบุรุษ ที่
สัตว์ทำแล้วไม่แก่ไม่ตาย ผู้มีทรัพย์มาก มีโภคะ

มาก แม้เหล่ากษัตริย์ครองแว่นแคว้น มีทรัพย์และ
ข้าวเปลือกมาก แม้ท่านเหล่านั้น ไม่แก่ไม่ตาย ก็
หาไม่.

ท่านที่เป็นนักศึกษา เป็นบุตรของชาวอันธกะ
และชาวเวณฑุ ผู้สามารถแกล้วกล้า ประหารฝ่าย
ปรปักษ์ แม้ท่านเหล่านั้น เสมอด้วยสิ่งยั่งยืนก็ต้อง
พินาศ ถึงอายุขัยสิ้นอายุ.

กษัตริย์ พราหมณ์ แพศย์ ศูทร คนจัณฑาล
และปุกกุสะ และพวกชาติอื่น ๆ แม้คนเหล่านั้น
ไม่แก่ไม่ตาย หามีไม่ ท่านที่ร่ายมนต์พรหมจินดา
มีองค์ 6 และท่านที่ใช้วิชาอื่น ๆ แม้ท่านเหล่านั้น
ไม่แก่ไม่ตาย หามีไม่ อนึ่ง พวกฤษี ผู้สงบ
สำรวมจิตบำเพ็ญตบะ แม้ท่านผู้บำเพ็ญตบะเหล่านั้น
ก็ต้องละทิ้งร่างกายไปตามกาล แม้พระอรหันต์
ทั้งหลายผู้อบรมตนแล้ว ทำกิจเสร็จแล้วไม่มีอาสวะ
สิ้นบุญและบาปแล้ว ก็ยังทอดทิ้งกายนี้.

พระกุมารตรัสว่า
ข้าแต่พระมหามุนี คาถาทั้งหลายของท่าน เป็น
สุภาษิต มีประโยชน์ ข้าพเจ้าเพ่งพินิจตามสุภาษิต
นั้นแล้ว และขอท่านโปรดเป็นสรณะ ของข้าพเจ้า
ด้วยเถิด.

พระเถระทูลว่า

ท่านจงอย่าถึงอาตมาเป็นสรณะเลย อาตมาถึง
พระมหาวีรศากยบุตรใดเป็นสรณะ ท่านจงถึงพระ-
มหาวีรศากยบุตรนั้นเป็นสรณะเถิด.

พระกุมารตรัสถามว่า
ข้าแต่ท่านผู้นิรทุกข์ พระศาสดาของท่านพระ-
องค์นั้น ประทับอยู่ในชนบทไหน แม้ข้าพเจ้าก็จักไป
เฝ้าพระชินะผู้หาบุคคลเปรียบมิได้.

พระเถระทูลว่า
พระศาสดาผู้เป็นบุรุษอาชาไนย มีพระสมภพ
แต่ราชสกุลพระเจ้าโอกกากราช ในชนบททิศ-
ตะวันออก แต่พระองค์เสด็จปรินิพพานเสียแล้ว.

ราชโอรสตรัสว่า
ข้าแต่ท่านผู้นิรทุกข์ ถ้าพระพุทธเจ้าผู้เป็น
ศาสดาของท่านยังดำรงพระชนม์อยู่ ถึงไกลหลาย
พันโยชน์ ข้าพเจ้าก็จะไปเฝ้าใกล้ ๆ แต่เพราะ
พระศาสดาของท่านเสด็จปรินิพพานเสียแล้ว ข้าพเจ้า
ขอถึงพระมหาวีระผู้เสด็จปรินิพพานแล้วเป็นสรณะ
ขอถึงพระพุทธเจ้า ทั้งพระธรรมอันยอดเยี่ยม ทั้ง
พระสงฆ์ ผู้เป็นสรณะของมนุษย์และเทวดา ว่าเป็น
สรณะ.

ข้าพเจ้าของดเว้นปาณาติบาตทันที ของดเว้น
อทินนาทานในโลก ไม่ดื่มน้ำเมา และไม่กล่าวเท็จ

เป็นผู้ยินดีด้วยภริยาของตน.
พระเถระถามเทวบุตรว่า
พระอาทิตย์มีรัศมีมาก ส่องแสงไปในท้องฟ้า
ตามลำดับตลอดทิศ ประการไร ๆ รถใหญ่ของท่านนี้
ก็มีประการอย่างนั้น แผ่แสงไปโดยรอบกว้างร้อย
โยชน์ หุ้มด้วยแผ่นทองโดยรอบ คานรถนั้นวิจิตร
ด้วยแก้วมุกดาและแก้วมณี มีลายทองและเงินทำด้วย
แก้วไพฑูรย์ สร้างไว้อย่างดีสง่างาม งอนรถสร้างด้วย
แก้วไพฑูรย์ แอกรถวิจิตรด้วยแก้วทับทิม แม้ม้า
( เทียมรถ) ก็ประดับด้วยทองและเงินสง่างาม วิ่ง
เร็วทันใจ ท่านนั้นยืนสง่าอยู่ในรถทอง มีพาหนะ
เทียมม้าพันหนึ่ง ดังท้าวสักกะจอมทวยเทพ ดูราท่าน
ผู้มียศ อาตมาขอถามท่านผู้ชาญฉลาด ยศอัน
โอฬารนี้ท่านได้มาอย่างไร.

เทวบุตรตอบว่า
ข้าแต่ท่านผู้เจริญู ข้าพเจ้าเป็นราชโอรส ชื่อ
สุชาตในชาติก่อน และท่านได้อนุเคราะห์ให้ข้าพเจ้าได้
ตั้งอยู่ในสัญญมะ ท่านทราบว่าข้าพเจ้าหมดอายุ ได้
มอบพระบรมสารีริกธาตุของพระศาสดา ด้วยกล่าวว่า
ดูก่อนสุชาต เธอจงบูชาพระบรมสารีริกธาตุนี้ การ
บูชานั้นจักเป็นประโยชน์แก่เธอเอง ข้าพเจ้าได้ขวน-

ขวายบูชาพระบรมสารีริกธาตุนั้นด้วยของหอมและ
ดอกไม้ทั้งหลาย ครั้นละร่างมนุษย์แล้ว ได้เข้าถึง
นันทนอุทยาน มีอัปสรห้อมล้อม รื่นรมย์ด้วยการ
ฟ้อนรำขับร้องอยู่ในนันทนอุทยานอันน่าร่มรื่น ประ-
กอบด้วยฝูงปักษานานาพรรณ.

จบจูปรถวิมาน

อรรถกถาจูฬรถวิมาน


จูฬรถวิมาน มีคาถาว่า ทฬฺหธมฺมา นิสารสฺส เป็นต้น. จูฬรถ-
วิมานนั้นเกิดขึ้นอย่างไร ?
เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จปรินิพพานแล้ว พร้อมด้วยแบ่งพระ-
บรมธาตุ สถาปนาพระสถูปสำหรับพระศาสดาไว้ในที่นั้น ๆ เมื่อพระสาวก
ที่ได้คัดเลือกเพื่อสังคายนาพระธรรม มีพระมหากัสสปเถระเป็นประมุข
อยู่ในที่นั้น ๆ กับบริษัทของตน ๆ ด้วยเห็นแก่เวไนยสัตว์ จนถึงวัน
เข้าพรรษา ท่านพระมหากัจจายนะอยู่ในเขตป่าแห่งหนึ่ง ในปัจจันต-
ประเทศ สมัยนั้น พระเจ้าอัสสกราชครองราชสมบัติอยู่ในโปตลินคร
แคว้นอัสสกะ
กุมารพระนามว่าสุชาต เป็นพระโอรสของอัครมเหสีของ
พระเจ้าอัสสกราชนั้น มีพระชนมายุได้ 16 ปี ถูกพระบิดาเนรเทศจากแว่น
แคว้นเพราะยื้อแย่งราชสมบัติกับพระเทวีน้อย จึงเข้าป่า อาศัยพวกพราน
อยู่ในป่า เล่ากันมาว่า กุมารนั้นบวชในศาสนาของพระผู้มีพระภาคเจ้า